เมืองไทยร้อนตับแตก รถยนต์จึงต้องติดฟิลม์กรองแสง ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์นอกจากช่วยกันความร้อนแล้ว ยังเพิ่มความสง่างามสวยเก๋ให้กับรถยนต์ รวมไปถึงช่วยให้คนขับรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย ฟิล์มติดรถยนต์ปัจจุบันมีให้เลือกมากมายเหลือเกิน เรามา รู้ลึกฟิล์มติดรถยนต์ 6 ประเภท เลือกแบบไหนดี? ที่จะเหมาะกับการใช้รถและไลฟ์สไตล์เรา ขับชิลล์ไปเที่ยวใกล้ไกลก็สบายใจไม่ร้อน
รู้ลึกฟิล์มติดรถยนต์ 6 ประเภท เลือกแบบไหนดี?
1.ฟิล์มติดรถยนต์แบบย้อมสี (Dyed)
ฟิล์มชนิดนี้สามารถป้องกันแสงยูวีไม่ให้เข้าไปในรถยนต์ได้ประมาณร้อยละ 5 ถึง 50
ข้อดี
สามารถลดแสงจ้า
ราคาไม่แพง
ไม่สะท้อนแสง
มีสีเข้ม
ข้อด้อย
ด้วยเลเยอร์ของเนื้อฟิล์มทำให้อาจแยกออกจากกันเมื่อใช้ไปนานๆ
มีแนวโน้มที่จะเกิดฟองอากาศ
สีซีดไปตามกาลเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
2.ฟิล์มติดรถยนต์ประเภทเมทัลลิค (Metallic)
เมทัลลิคจะอยู่ระหว่างชั้นป้องกันด้านนอกและด้านในของฟิล์มกาว ฟิล์มเมทัลลิคมีชั้นที่ช่วยป้องกันแสง UV รวมทั้งชั้นเมทัลลิคเพื่อสะท้อนรังสีความร้อนออกไป สามารถป้องกันรอยขีดข่วน รวมทั้งกันแสงไม่ให้เข้ามาในรถยนต์ได้ 60 -90 เปอร์เซ็นต์
ข้อดี
คงทนและติดทนนาน
สีไม่ซีดไปตามกาลเวลา
มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV
สะท้อนความร้อนและป้องกันแสงจ้า
ข้อด้อย
มีลักษณะเป็นเงาและสะท้อนแสง
เนื้อฟิล์มเมทัลลิคอาจรบกวนโทรศัพท์มือถือการส่งสัญญาณ GPS การรับสัญญาณวิทยุและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้
แพงกว่าฟิล์มย้อมสี
3.ฟิล์มติดรถยนต์ประเภทผสม (Hybrid)
รู้ลึกฟิล์มติดรถยนต์ 6 ประเภท เลือกแบบไหนดี? ฟิล์มประเภทผสมแบบนี้เป็นแบบที่น่าเลือกใช้เช่นกัน เนื้อฟิล์มเป็นส่วนผสมของเมทัลลิคและฟิล์มย้อมสี ทั้งหมดติดเข้าด้วยกันด้วยกาวลามิเนต ช่วยป้องกันแสงไม่ให้เข้ารถยนต์ได้ 5-50 เปอร์เซ็นต์
ข้อดี
สามารถป้องกันแสงจ้ารังสียูวีและความร้อน
ลดแสงสะท้อนที่ยอดเยี่ยม
ไม่สะท้อนแสง
ไม่รบกวนสัญญาณมือถือและวิทยุ
ทนทาน
ราคาไม่แพงกว่าแบบเมทัลลิค
ใช้ไปนานๆ แต่มองไม่เห็นสีซีดจาง
ข้อด้อย
มีราคาแพงกว่าฟิล์มย้อมสี
4.ฟิล์มติดรถยนต์ประเภทเซรามิค (Ceramic)
ฟิล์มติดรถยนต์เซรามิคประกอบด้วยชั้นกาวซึ่งผสานกับชั้นเซรามิคบาง ๆ และชั้นเคลือบป้องกัน สามารถป้องกันแสง UV ได้ 5 – 70 เปอร์เซ็นต์ ป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์และความร้อนจากอินฟราเรด 97% (ชนิดที่ทำให้เกิดความร้อน)
ข้อดี
ไม่สะท้อนแสง
ไม่ซีดเหมือนฟิล์มย้อมสี
ไม่รบกวนสัญญาณวิทยุและสัญญาณอื่นๆ
บล็อกรังสี UV และแสงจ้า
จุดด้อย
แพง
5.ฟิล์มติดรถยนต์ประเภทคาร์บอน (Carbon)
ฟิล์มคาร์บอนมีผิวด้าน (และสีเข้ม) จึงทำให้รถที่ติดฟิล์มประเภทนี้ดูดำโดดเด่นมาก เหมาะสำหรับสายดาร์ก สามารถป้องกันความร้อนอินฟราเรด 50-70 เปอร์เซ็นต์ นอกเหนือจากการป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 99%
ข้อดี
น่าดึงดูดและมีสไตล์โดดเด่น
รักษาอุณหภูมิเย็นภายในรถได้ดี ช่วยประหยัดพลังงานได้ส่วนหนึ่ง
ฟิล์มคาร์บอนสามารถสกัดกั้นแสงได้ 40%
ด้วยสีดำสนิททำให้สีฟิล์มทนต่อการซีดจาง
สามารถป้องกันเศษกระจกแตกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ข้อด้อย
แพง
6.ฟิล์มติดรถยนต์แบบใส (Crystalline)
ฟิล์มใสน่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากออกแบบมาเพื่อป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลตและความร้อนจากแสงอาทิตย์ เห็นใสๆ แบบนี้อย่าดูถูกฟิล์มประเภทนี้เชียว จริง ๆ แล้วสามารถป้องกันความร้อนมากกว่าฟิล์มสีเข้ม แถมยังทำให้รถของคุณสวยแบบเดิมๆ เหมือนตอนออกจากอู่ทีเดียว
ฟิล์มใสสามารถสะท้อนแสงอินฟราเรดจากดวงอาทิตย์ได้ 97 เปอร์เซ็นต์ และบล็อกความร้อนที่ผ่านเข้ามาในรถมากถึง 60% ด้วยเนื้อฟิล์มใสจึงทำให้รถสว่างไสวมองอะไรก็เห็นถนัดตา
ข้อดี
ทัศนวิสัยดีเยี่ยมแม้ในเวลากลางคืน
ราคาไม่แพงกว่าฟิล์มประเภทอื่น
ทนทานและมีอายุการใช้งานนาน
ไม่สะท้อนแสง
ช่วยรักษารูปลักษณ์รถของคุณให้สวยแบบเดิมๆ
ข้อด้อย
ความเป็นส่วนตัวน้อยลง
แล้วจะติดฟิล์มยี่ห้อไหนดี?
หลังจาก รู้ลึกฟิล์มติดรถยนต์ 6 ประเภท เลือกแบบไหนดี? ขอให้เลือกคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้งาน ใช้รถของคุณ เลือกติดฟิล์มที่มียี่ห้อและเป็นที่รู้จักทั่วไปนี่แหละดีที่สุด เพราะทุกยี่ห้อต้องพยายามรักษาชื่อเสียงตัวเองไว้ แต่อย่าเน้นของไม่มียี่ห้อ ราคาถูกๆ เพราะติดไปไม่นาน อย่างมากไม่เกิน 2 ปี ฟิล์มมักจะลอกแล้วเกิดฟองอากาศ จะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
คำแนะนำคือไปที่ร้านติดฟิล์มรถยนต์ จะมีให้เลือกหลายยี่ห้อจนตาลาย มีตัวอย่างให้ดูด้วยว่าติดแล้วโทนสีกระจกจะเป็นอย่างไร สว่างหรือมืดขนาดไหน ที่สำคัญเราต้องดูงบประมาณตัวเราเองด้วยนะ ใครๆ ก็อยากได้ของดีของแพง แต่ราคาแรงมากก็ไม่ไหว เอาที่สมฐานะเหมาะกับรถและการใช้งานรถก็พอ ดูระยะการรับประกันด้วย หากรับประกัน 5-7 ปี ก็ยิ่งสบายใจ
Carwidee.com ลงข้อมูลฟิล์มติดรถยนต์แบบละเอียดๆ เพื่อให้ทุกท่านเลือกติดฟิล์มรถยนต์ได้ถูกใจ ถูกเงิน ขอให้ใช้งานได้นานๆ คุ้มค่ามากที่สุดนะครับ