เวลาจะขับรถไปต่างจังหวัดหรือขับรถเดินทางไกล หากเราใช้รถเก่าก็อดที่จะกังวลไม่ได้ว่ารถเก่าเราจะขับไปถึงไหม จะไปเสียกลางทางหรือเปล่า เพราะถ้าประเมินพลาดการเดินทางครั้งนั้นก็จะกลายเป็นปัญหาหมดความสนุกทันที แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถเก่าของเราขับเดินทางไกลได้ไหม?
เราขับรถเดินทางไปต่างจังหวัดหรือขับรถเดินทางไกลส่วนใหญ่ก็ไปเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน เพื่อผ่อนคลาย เพื่อความสุข การขับรถทางไกลสำหรับหลายคนคือการลดความเครียด….แต่..ถ้ารถที่เราขับไปกลับทำให้เราเครียดไปตลอดทาง นั่นย่อมไม่สนุกแน่ๆ หนึ่งที่ทำให้กังวลไม่น้อยก็คือรถยนต์ที่ขับ โดยเฉพาะรถเก่า คนขับรถมักจะกังวลว่าขับไปจะไปตายหรือเสียกลางทางหรือเปล่า ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะขับรถเก่าไปดีหรือไม่ดี คำถามคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถเก่าของเราขับเดินทางไกลได้ไหม?
รถเก่าแค่ไหนที่เรียกว่าเก่าจนขับไปทางไกลไม่ได้
7 ปี 10 ปี 15 ปี หรือมากกว่านั้น เซียนรถบอกว่าไม่มีคำว่า “เก่าเกินไป”สำหรับการขับรถทางไกล หากรถเก่าคันนั้นผ่านการดูแลและบำรุงรักษามาอย่างดีตามระยะเวลาที่กำหนด หรือหากเกิดปัญหากับรถส่วนไหน ก็ได้แก้ไขมาโดยตลอด การดูแลเป็นอย่างดี ขับรถอย่างสม่ำเสมอ และรถคันนั้นใช้งานได้ปกติทุกอย่าง รถเก่าคันนั้นก็คือรถคันหนึ่งที่ขับทางไกลได้เหมือนรถคันอื่น
แต่..หากรถเก่าของคุณมีปัญหาแต่ยังไม่ได้แก้ไข เช่น มีอะไหล่หรือชิ้นส่วนสำคัญที่ต้องเปลี่ยน แต่คุณยังไม่เปลี่ยนเพราะถือว่ายังขับไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้ไปไหนไกล รอให้พังกว่านี้อีกหน่อย
หรือรถเก่าของคุณมีปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้ อันนี้ยิ่งน่ากังวล เพราะระดับช่างยังหาไม่เจอ เช่น รอบตก ความร้อนขึ้น เร่งไม่ขึ้น แอร์ไม่เย็น เครื่องกระตุก นานๆ รถดับที ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือรถเก่าของคุณยังไม่พร้อมจะขับเดินทางไกลแน่ๆ เพราะขับใกล้ๆ อาจไม่แผลงฤทธิ์ แต่ขับทางไกลมีโอกาสที่จะไปดับกลางทางได้
รู้ได้อย่างไรว่ารถเก่าของเราขับเดินทางไกลได้ไหม?
อ่านต่อ
สำคัญที่สุด รถเก่าของคุณได้รับการดูแลบำรุงรักษาตามระยะเวลามาอย่างดี เปลี่ยนอะไหล่และสิ่งที่ต้องเปลี่ยนมาโดยตลอด รถไม่มีปัญหาในการใช้งาน รถเก่าของคุณก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ขับเดินทางไกลได้
เมื่อรถพร้อมแล้วก็ยังไม่พอ เราต้องเตรียมรถให้พร้อมก่อนการเดินทางไกล
แม้รถจะดูแลมาอย่างดีแล้ว แต่รถก็อาจเกิดจะมีปัญหาตอนที่จะเดินทางไกลนี่แหละ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เพื่อความไม่ประมาทให้ตรวจสอบรถก่อนออกเดินทางไกลดังนี้
1.ตรวจระดับน้ำมันต่างๆ ในรถว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำในหม้อน้ำ ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ นอกจากนี้ให้มองหารอยรั่วซึมน้ำมันในห้องเครื่อง มีรอยรั่วซึมหรือไม่ ใต้ท้องรถมีน้ำมันอะไรหยดหรือไม่ หากใกล้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่างๆ ก็ให้เปลี่ยนถ่ายตอนนี้ไปเลย
2. ยางรถ ยาง 4 เส้นและยางอะไหล่ ยังคงใช้งานได้ดีหรือไม่ ดอกยางยังไม่สึกมากเกิน ยางเกาะถนนได้ดีอยู่ไหม อย่าลืมเติมลมยางให้ถูกต้องด้วย
3. สายพานต่างๆ ในรถ เชื่อหรือไม่สายพานในรถที่เคยดีๆ นี่แหละ บางทีก็เกิดจะหมดอายุตอนเราขับทางไกล ดังนั้นลองตรวจเช็คว่าสายพานในรถเริ่มกระด้าง แตกลายงา หรือดูแห้งกรอบเกินไปหรือเปล่า แม้ช่างจะบอกว่ายังขับได้อีกสักพัก แต่เพื่อความไม่ประมาทให้เปลี่ยนไปได้เลย เผื่อไปขาดกลางทางยามดึกดื่น ชีวิตเราจะลำบากยากแค้นมาก
4. เบรก ระยะเบรก ทุกอย่างปกติดีพร้อมใช้งานดีไหม
5. สุดท้ายเพื่อความไม่ประมาท อาจนำรถไปใช้บริการตรวจที่อู่หรือศูนย์ก็ได้ บอกว่ามาตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล เพราะถึงแม้เราจะดูแล้วว่าทุกอย่างดีพร้อม แต่เมื่อช่างตรวจอย่างละเอียดอีกที อาจจะพบบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนเพิ่มเติมก็ได้
รู้ได้อย่างไรว่ารถเก่าของเราขับเดินทางไกลได้ไหม? ถึงรถจะเก่าแต่ดูแลเตรียมพร้อมอย่างดีก็เดินทางไกลได้ เป้าหมายอยู่ที่ไหน เราก็ไปถึงได้ และถึงแม้จะเตรียมพร้อมมาอย่างดี ก็อาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อเกิดปัญหาใดๆ เราก็ค่อยๆ แก้ไขไป อย่าลืมเบอร์ฉุกเฉินต่างๆ เตรียมไว้ให้พร้อมด้วย ขอให้เดินทางอย่างมีความสุข ถึงรถจะเก่าแต่เราก็พร้อมลุย