คลังเก็บหมวดหมู่: บทความน่ารู้

ตอบทุกคำถาม แก่แล้วขับรถได้ ไหม?

ตอบทุกคำถาม แก่แล้วขับรถได้ไหม? นี่คือคำถามยอดฮิตของลูกๆ ที่ห่วง พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ยังเปรี้ยวชอบขับรถเอง

ตอบทุกคำถาม แก่แล้วขับรถได้ไหม?

จากสถิติของบริษัทประกันภัยต่างประเทศรายงานว่าถ้าขับทางไกล คนแก่ขับรถมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าคนหนุ่มสาว เนื่องจากมองสัญญาณจราจรได้ไม่ชัดเจนพอ  การตัดสินใจยูเทิร์นที่ไม่ปลอดภัยนัก และมีโอกาสหลงทางมากกว่าคนหนุ่มสาว แต่ถ้าขับในเมืองระยะทางใกล้ๆ คนสูงวัยจะขับอย่างระมัดระวัง ขับรถโดยไม่ใช้ความเร็ว ทำให้คนสูงวัยขับได้ดีไม่แพ้ใคร

เรื่องน่าคิดก็คือสังคมไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย คนสูงวัยจำนวนมากเคยขับรถมาตั้งแต่สมัยทำงาน ทุกคนมักมีรถยนต์และยังคงเคยชินกับการขับรถเองเหมือนตอนหนุ่มสาว เมื่ออายุมากขึ้นจะขับรถได้ไหม? เราจะตอบทุกคำถาม แก่แล้วขับรถได้ไหม?

คำตอบคือถึงแก่แล้วขับรถได้ ถ้าสุขภาพยังดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถ  รวมทั้งสายตายังดี ก็น่าจะขับรถในเมืองได้

  แต่ถ้าเป็นการขับรถทางไกล คนแก่ไม่ควรขับรถแน่นอน เพราะทางหลวงต้องใช้ความเร็ว  ที่สำคัญการขับรถนานๆ ระยะทางไกลๆ ทำให้อ่อนล้าทั้งร่างกายและสายตา  ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แม้จะหยุดพักเป็นระยะก็ตามที

อายุมากแค่ไหนไม่ควรขับรถ

อันนี้คงกำหนดไม่ได้ชัดเจนว่าอายุมากแค่ไหนไม่ควรขับ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายและจิตใจของแต่ละคน เพราะบางคนอายุแค่ 50- 60 ปี ก็ไม่อยากขับรถแล้ว ขอเป็นคุณนายหรือคุณชายนั่งสบายๆ ดีกว่า เพราะรู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับการจราจรติดขัด แต่บางคนนี่สิ อายุ 70-80 ปี ก็ยังขับรถปร๋อ ไปตลาด ไปวัด ไปสถานที่ใกล้ๆ ได้สบายๆ

ชายสูงวัย อายุ 72 ปี คนหนึ่งยังคงขับรถไปทุกที่ที่ต้องการไป เขาให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “ถ้ายังขับรถได้ ก็ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่จะเลิกขับ ผมว่าคนอายุรุ่น 80 ที่ยังคงขับรถได้ดีมีถมเถ แล้วก็มีคนอายุ 40 ที่ไม่น่ามาขับรถก็เยอะแยะ” นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของคนแก่ขับรถได้

ทำไงดีอยากห้ามพ่อแม่ที่อายุมากเกินไปไม่ให้ขับรถ

พ่อแม่ที่เคยขับรถมาตั้งแต่หนุ่มสาวคงจะห้ามยาก เพราะทุกคนล้วนชินกับการขับรถ และการขับรถถือเป็นสิทธิ์พื้นฐาน จะไปห้ามก็ไม่ได้หากยังมีใบขับขี่  คำแนะนำคืออาจใช้ไม้นวมคือเตือนเรื่องสุขภาพร่างกายที่ไม่เหมาะกับการขับรถอีกแล้ว  ถ้าคุณหมอประจำตัวช่วยเตือนถึงอันตรายในการขับรถด้วยก็จะช่วยได้อีกแรง แต่บางครอบครัวเตือนเท่าไรคนสูงวัยก็ไม่เชื่อ เลยใช้ไม้แข็งเช่น เอากุญแจรถไปซ่อน เอารถไปซ่อม แกล้งทำให้รถขับไม่ได้บ้าง ส่วนทางออกที่ดีรักษาน้ำใจกันทั้งสองฝ่ายก็คือขออาสาขับรถให้พ่อแม่เสียเองน่าจะดีที่สุด

ตอบทุกคำถาม แก่แล้วขับรถได้ไหม?
คนแก่รักรถบ้าน ภาพโดย  neil kelly from Pexels

หัดขับรถตอนแก่ได้ไหม?

สำหรับคนแก่บางคนที่ไม่เคยขับรถ แต่อยู่ว่างๆ ก็อยากจะหัดขับรถดูบ้าง ลูกหลานจะทำไงดี ดับฝันไม่ให้ไปเรียน หรือพาไปเรียนให้รู้แล้วรู้รอด

คำตอบคือ ขับรถเป็นดีกว่าขับรถไม่เป็น

เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอาจมีสถานการณ์ฉุกเฉินที่คนแก่จำเป็นต้องขับรถเอง ดังนั้นอย่าได้หวั่นไหวว่าแก่แล้วเรียนขับรถไม่ได้ ครูสอนขับรถในต่างประเทศคนหนึ่งให้ความเห็นว่า คนแก่สามารถเรียนขับรถได้ เรียนได้ดีกว่าคนหนุ่มสาวอีก เพราะส่วนใหญ่มีความตั้งใจมากและระมัดระวังสูงกว่าคนหนุ่มสาว แม้จะต้องเรียนในส่วนที่ยาก คนแก่ทุกคนล้วนมีความพยายามที่จะขับให้ได้ดี สิ่งสำคัญคือชั่วโมงเรียนขับรถของคนแก่อาจต้องใช้เวลาฝึกหัดมากกว่าคนหนุ่มสาว แต่ถึงฝึกหนักแค่ไหนก็ตาม สถิติของโรงเรียนสอนขับรถในต่างประเทศระบุว่าคนอายุมากสอบใบขับขี่ตกมากกว่าคนหนุ่มสาว ต้องพยายามหลายๆ ครั้งถึงจะผ่านได้ในที่สุด

สรุปแบบเชยๆ ก็คืออายุเป็นเพียงตัวเลข ถ้าร่างกายพร้อม ใจสู้ คนสูงวัยทำอะไรก็ได้ไม่แพ้คนวัยอื่นหรอก

ตอบทุกคำถาม แก่แล้วขับรถได้ไหม ?คำตอบคือ..ขับได้สิ..ถึงขับไม่เก่ง ขับไม่ไกล แต่ขับได้ปลอดภัยก็ถือว่าประสบความสำเร็จสุดยอดแล้วล่ะ  

ไม่กล้าขับรถ ความกลัวที่เราเอาชนะได้!

เฮ้ย..ยุคนี้ยังมีคนไม่กล้าขับรถอีกเหรอ?

รถสมัยนี้ขับง่ายจะตาย ถ้าเป็นสมัยก่อนเกียร์กระปุกกลัวเครื่องดับก็ว่าไปอย่างนะ สมัยนี้เกียร์ออโต้ สบายจะตาย เหยียบขาเดียวเที่ยวทั่วไทยก็ได้แล้ว 

(pic from https://www.pexels.com/)

ก็นั่นแหละคร้าบบบ)))))

สมัยไหนๆ ก็ยังมีคนไม่กล้าขับรถอยู่นั่นเอง ไม่ใช่แต่ผู้หญิงนะ ผู้ชายไม่กล้าขับก็มีเช่นกัน บางคนเรียนขับรถมาแล้ว ใบขับขี่ก็มีแล้ว ซื้อรถมาแล้วด้วยซ้ำ ก็ยังไม่กล้าขับอยู่นั่นเอง! อย่ากังวลไปเลย ไม่กล้าขับรถ ความกลัวที่เราเอาชนะได้!

ความกลัวตอนขับรถ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ขับรถครั้งแรก ก็กลัวกันทุกคนแหละ อย่าไปเชื่อเลยถ้าจะมีบางคนบอกว่า “เฮ้ย ฉันไม่เคยกลัวเลยนะ” ให้อนุมานไว้ก่อนเลยว่า มันตอแหล

ใครๆ ก็กลัวทั้งนั้น…แต่ทุกคนสามารถผ่านความกลัวนั้นมาได้…ยกเว้นคุณ?  หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่กล้าขับรถ  และอยากจะหลุดพ้นจากวงโคจรหลุมดำนี้ไปเสียที

มาเหอะนะ ไม่กล้าขับรถ เป็นความกลัวที่เราเอาชนะได้ เรามีวิธีการปลุกพลังในตัวคุณให้ออกไปขับรถเสี่ยงตายดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่หนึ่ง ลองเปรียบเทียบตัวเองกับอีเพื่อนๆ ของคุณที่ขับรถได้ดูซิ คุณมีอะไรด้อยกว่ามันหรือไง? มือเท้าก็ดี ตาก็ไม่บอดสี ปัญญาก็ไม่ได้ทึบ โรคลมชักก็ไม่ได้เป็น สวยก็สวยกว่า สาวก็สาวกว่า (ไหมนะ)  หรือลองคิดภาพคนขับรถอื่นๆ ที่แสนจะเป็นคนธรรมดา เช่น ลุง ป้า น้า อา คนหน้าปากซอย คนขับแท็กซี่ คนงานพม่า คนเขมร คนงานขับรถ คนพวกนั้นก็ไม่ได้เก่งไปกว่าคุณเลย ทุกคนยังขับรถได้ แสดงว่าคุณก็น่าจะขับรถได้แน่ๆ แต่ที่ขับไม่ได้เป็นเพราะความกลัวที่ซุกซ่อนคอยหลอกหลอนอยู่ในใจของคุณต่างหากที่คอยสะกดจิตคุณว่า “มึงขับไม่ได้หรอกๆ”

ต่อแต่นี้ให้คุณสะกดจิตมันกลับไปให้สาสมว่า “กูขับได้ๆๆๆ”
“คนอื่นทำได้ กูก็ทำได้” 

ขั้นตอนที่สอง หลังจากคุณสะกดจิตตัวเองว่า “กูขับได้” แล้ว ให้ลองหลับตาแล้วจินตนาการถึงภาพตัวเองกำลังขับรถ ลองนึกภาพคุณกำลังขับรถไปบนถนน ขับอย่างมีความสุข คิดภาพให้คล้ายจริงก็ได้ว่าคุณขับรถอย่างไร มือจับพวงมาลัยอย่างไร เท้าเหยียบคันเร่งเหยียบเบรคอย่างไร ขับไปในจินตนาการเรื่อยๆ คิดภาพตอนขับไปช็อปปิ้ง ขับไปตลาด ขับไปทะเล ขับไปเรื่อยๆ ขั้นตอนนี้จะช่วยลดความกลัวภายในจิตใจของคุณไปทีละนิดๆ ให้คิดภาพบวกที่มีความสุขในการขับรถอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และพยายามลืมคำว่า “ไม่กล้าขับรถ” ออกไปจากใจให้หมด

ไม่กล้าขับรถ
(pic from https://www.pexels.com/)

ขั้นตอนที่สาม ขับรถ!

อย่าลืมคาถาขับรถของคุณเป็นอันขาด “กูขับได้” “คนอื่นทำได้ กูก็ทำได้”

วิธีลดความกลัวให้เหลือน้อยลงไปอีกก็คือ หลอกล่อคนมานั่งเป็นเพื่อน เลือกคนที่ไม่พูดมาก ที่ไม่ขี้ตกใจตะโกนโหวกเหวกตอนคุณใกล้จะไปเสยตูดคันหน้า แต่พร้อมจะหุบปาก และพูดเฉพาะสิ่งที่ให้กำลังใจคุณ รวมทั้งร่วมลุ้นระทึกไปกับคุณอย่างไม่กลัวตาย!

การขับรถครั้งแรกควรขับระยะใกล้ๆ เช่น ขับวนในหมู่บ้าน แม้จะฟังดูต่ำต้อยด้อยค่า แต่ขอบอกเลยคนขับรถส่วนใหญ่มันก็เริ่มต้นจากวนในหมู่บ้านกันทั้งนั้นแหละจ้ะ มันจะใจกล้าสวมวิญญาณตีนผีมาจากไหนกันเชียวนะ

ขอให้ขับในหมู่บ้านอย่างช้าๆ ไม่ต้องเร่งความเร็ว วนไปวนมาซ้ำๆ หลายๆ รอบ ฝึกสักสองสามวันจนคุณเบื่อมากๆ  นั่นแสดงว่าคุณมั่นใจการขับรถมากขึ้นแล้ว มือและเท้า สายตา จะเริ่มสอดประสานกันจนคุณรู้สึกว่า “เฮ้ย ฉันก็เก่งเหมือนกันนะ” นั่นแสดงว่าคำว่า ไม่กล้าขับรถได้ออกไปจากคุณแล้ว

จำไว้ว่า..ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่าไร…ความกลัวจะยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น

เย้ๆๆ คุณขับรถได้แล้ว! แม้เส้นทางจะแสนสั้นจุ๊ดจู๋แต่ก็ใช้ฝีมือล้วนๆ นะจะบอกให้ ต่อไปให้ขยายเส้นทางขับรถให้ไกลขึ้นอีก เลือกไปเส้นทางง่ายๆ ก่อน อย่าเพิ่งด่วนไปให้ถึงเชียงใหม่ ลำปาง เลย ขอแค่ออกเสต็ปสอง เช่น ไปเซเว่นหน้าปากซอย หรือถนนเส้นตรงง่ายๆ ใกล้ๆ บ้านก่อน

จะบอกอะไรให้ว่าความกลัวยังไม่หมดสิ้นหรอก

มือใหม่ทุกคนจะมีความกลัวระดับตัวพ่อสิงสู่อยู่ในใจนั่นก็คือ… ตอนยูเทิร์นรถ ตอนเปลี่ยนเลน และการถอยเข้าซองจอดรถ

คุณต้องไปฝึกต่อในสิ่งที่กลัวเหล่านี้ ยิ่งกลัวยิ่งทำ ทำซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ความกลัวจะลดน้อยลง ขอให้ฝึกต่อไปจนคุณรู้สึกว่า “ฉันทำได้แล้ว”

และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของมือใหม่ขับรถที่จะต้องไปผจญภัยบนท้องถนนในตอนต่อไป เห็นไหมล่ะ ไม่กล้าขับรถ ความกลัวที่เราเอาชนะได้จริงๆ

ถามว่าจะมีชนไหม มีเฉี่ยวไหม?

คำตอบคือ ถึงแม้จะระวังแล้ว ก็อาจจะมีบ้าง แต่ทุกการเฉี่ยวชนคือประสบการณ์ รถก็คือรถมีไว้ขับ บุบบ้างสีถลอกบ้างก็ช่างมันเหอะ เป้าหมายของเราก็คือ “ขับรถให้ได้” และถึงเป้าหมายอย่างปลอดภัย
บอกตัวเองทุกวันว่า “ฉันขับรถได้” แล้วคุณจะทำได้!
รออะไรกันอยู่ ออกไป start รถเลยสิเธอจ๋า 

ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา

สมัยก่อนเรามักเรียกรถรวมๆ ว่า “รถเก๋ง” แต่ยุคนี้ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรากันแน่ ปัจจุบันรถยนต์เริ่มมีความแตกต่างกันเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ละแบบก็จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ซึ่งถ้าเราทำความรู้จักกับลักษณะรถแต่ละประเภทให้ดียิ่งขึ้น ก็จะช่วยให้เราเลือกรถได้ถูกใจและเหมาะกับการใช้งานได้มากขึ้น มาเหอะ… มาลองส่องดูรถแต่ละแบบกันว่ามันต่างกันอย่างไรบ้าง เรามาเริ่มต้นตั้งแต่ง่ายๆ กันก่อน

รถเก๋ง 4 ประตู

รถเก๋ง 4 ประตู หรือเรียกเก๋ๆว่า รถซีดาน เป็นประเภทรถยนต์ดั้งเดิม คือมี 4 ประตูนี่แหละ หน้าตาก็แบบที่เราคุ้นเคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ถือเป็นรถยนต์ยอดนิยมที่ใช้กันทั่วไป ถ้าจะถามว่าประเภทรถยนต์มีหลายแบบ แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา ตอบง่ายๆ ได้เลยว่ารถเก๋ง 4 ประตูเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปของทุกคน ผ่านไปกี่ปีก็ยังซื้อรถประเภทนี้ได้เสมอ

ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ
รถซีดาน สี่ประตูทั่วไป
ภาพจาก www.pexels.com

รถเก๋ง 2 ประตู

เราจะเรียกว่ารถคูเป้ หน้าตาคล้ายรถเก๋งทั่วไป แต่รูปทรงจะดูปราดเปรียว มีความสปอร์ตดูหรูหรา มีแค่ 2 ประตู นั่งชูคอกันแค่ 2 คน จะขึ้นลงก็เท่อย่าบอกใครเชียว ด้วยความที่มี 2 ประตู รถคูเป้จึงไม่เน้นคนที่สามและสี่ เพราะจะกลายเป็นส่วนเกิน ฮือๆ

รถยนต์มีกี่แบบ คูเป้
คูเป้ เก๋ไก๋ รถยนต์ 2 ประตู

  • แฮทช์แบ็ก  รถเก๋ง 5 ประตู เป็นรถยอดนิยมในยุคนี้ เหมาะกับพวกขาช็อปหรือคนสมบัติเยอะ ที่ชอบขนข้าวขนของใส่รถ ประตูที่ 5 คือกระโปรงท้ายรถที่เปิดแล้วยกได้สูงกว่ารถเก๋งธรรมดา เวลาโยนของใส่ลงไปจะสะดวกที่สุด
รถยนต์มีหลายแบบ แฮทช์แบ็ก
รถ 5 ประตู

  • รถเอ็มพีวี multi-purpose vehicle (MPV) เป็นรถขนาดใหญ่กว่ารถเก๋งทั่วไป บอดี้แข็งแรง ตัวถังยาวขึ้น แต่ไม่ได้ยกสูง ข้างในกว้างขวางกว่ารถธรรมดา นั่งได้ถึง 7 คน ใช้เดินทางใกล้ไกลไปได้หมด บรรทุกของได้มากกว่า ใช้ประโยชน์ได้หลายประการมาก ลองคิดภาพรถToyota Innova , Toyota SIENTA, Suzuki ERTIGA จะทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ
ภาพจาก https://www.toyota.co.th
  • รถพีพีวี  (Pick-Up Passanger Vehicle)  เป็นรถขนาดใหญ่ ตัวถังยกสูง มีความกำยำบึกบึนมาก เนื่องจากเป็นรถที่มีพื้นฐานมาจากรถกระบะ แต่ช่วงล่างปรับให้นุ่มนวลเหมือนรถเก๋ง มีความถึกควายทุยมาก คิดภาพ Toyota Fortuner  Mitsubishi Pajero
ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ

ยังมีรถแยกย่อยอีกหลายประเภท อ่านมาถึงตรงนี้คงเริ่มเข้าใจแล้วว่า ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานในแบบของเรา ในบทความนี้ carwidee เลือกนำเสนอแต่แบบรถที่ฮิตใช้ๆ กันบนท้องถนน เราจะได้ไม่ปวดหัวมากในการเลือกรถ แค่รถ SUV MPV PPV ต่างกันอย่างไร นี่ก็สร้างความเวียนหัวให้ไม่น้อย จริงๆ แล้วไม่ต้องไปคิดอะไรมาก

ลองดูว่าในชีวิตประจำวันเราใช้รถเพื่ออะไร? เลือกประเภทรถยนต์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์เราดีที่สุด จะได้ขับสบาย ดูแลง่ายๆ บางคนอาจเถียงว่าจะต้องเลือกทำไม? มีเงินซื้ออะไรก็ได้ จะคิดแบบนั้นก็ได้ ตามใจเธอ!

        แต่ลองคิดดูนะ บางคนชอบขับรถใหญ่ แต่ชีวิตไปแค่ตลาดกับร้านเซเว่นหน้าปากซอย หรือบางคนเลือกใช้รถเล็ก แต่ชีวิตต้องเดินทางไปต่างจังหวัดตลอดเวลา บางคนครอบครัวมีคน 7 คน แต่ซื้อรถเล็กอีโคคาร์ ลองคิดดูละกันว่าชีวิตกับรถมันเข้ากันไหม?

ถ้ารถเหมาะสมกับการใช้งานของเรา จะทำให้เราใช้รถได้มีความสุขมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าเรานี่แหละ รถยนต์จะมีหลายแบบก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า คำถามที่ว่า ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา ก็คือ

เลือกรถที่ใช่ ใช้รถที่ชอบ แต่เงินซื้อรถคือคำตอบสุดท้าย !!!