ปี 2022 ประเทศไทยคว้าแชมป์ยอดซื้อรถไฟฟ้าสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครองส่วนแบ่งเกือบ 60% รองลงมาคืออินโดนีเซียและสิงคโปร์ คาดไทยน่าจะยังคงครองแชมป์ปี 2023 อีกสมัย อนาคตผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าไทยสดใส ค่ายรถจีนแห่ตั้งโรงงานในไทย

ไทยคว้าแชมป์ยอดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ แต่ความต้องการการใช้รถค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังมีหลายประเทศกำลังวางแผนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซีย สิงค์โปร์ และมาเลเซีย รวมทั้งภาครัฐของแต่ละประเทศก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ตลาดรถยนต์ ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มียอดจำหน่ายสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากได้รับการสนับสนุนและการอุดหนุนจากภาครัฐ ทั้งเรื่องยกเว้นภาษีสรรพสามิต และลดภาษีนำเข้า ทำให้ธุรกิจตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีแนวโน้มสดใสมาก

ค่ายยักษ์รถยนต์ไฟฟ้าจีนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย

GWD (เกรท วอลล์ มอเตอร์) ลุยเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในไทยที่จังหวัดระยอง ความพิเศษคือเป็นโรงงานอัจฉริยะที่มีเครื่องจักรทันสมัยอย่างมาก เป้าหมายหลักคือต้องการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า พิธีเปิดอย่างเป็นทางการคือวันที่ 9 มิถุนายนปีนี้

BYD รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย แน่นอนที่สุดบริษัทเตรียมก่อสร้างโรงงานในไทยที่จังหวัดระยอง โดยจะผลิตได้ในปี 2567

ไทยจะเป็นฐานผลิตรถยนต์ ไฟฟ้าที่สำคัญของภูมิภาค

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังต้องการขยายตลาดในต่างประเทศ ดังนั้นในระยะยาวเราจะเห็นโรงงานผลิตเพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายที่จีนมองไว้เป็นฐานการผลิตที่สำคัญก็คือประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนอินโดนีเซียและเวียดนามมีความได้เปรียบด้านทรัพยากรแร่ธาตุกว่าประเทศอื่น แต่ละประเทศล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และเหมาะสมที่จะเป็นฐานการผลิตที่ดีทั้งนั้น

คาดยอดขายรถยนต์ ไฟฟ้า ปี 2566 เติบโตขึ้นอีกเท่าตัว

หากประเทศไทยได้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ จะทำให้คนไทยมีโอกาสได้ซื้อรถยนต์ ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น ในราคาถูกลงกว่าเดิม ที่สำคัญจะทำให้ผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ส่งผลดีทั้งต่อระบบเศรษฐกิจประเทศชาติ ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายการใช้พลังงานได้มากขึ้น

ขอบคุณภาพปก Freepik

ผู้ใช้รถยนต์สงสัยกันมากว่า จริงหรือ? รถยนต์ไฟฟ้ามือสองราคาร่วงเร็วกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน ถ้าเปรียบเทียบกันทั้งเรื่องราคารถ อายุรถยนต์ และระยะการใช้งาน รถแบบไหนราคาตกกว่ากัน?

เวลาซื้อรถใหม่มาใช้งาน หลายคนก็มักคิดเลยไปถึงวันข้างหน้าที่คิดจะขายต่อเป็นรถมือสอง เป็นที่ทราบกันดีว่ารถญี่ปุ่นบางยี่ห้อรถมือสองขายได้ราคาดีกว่าบางยี่ห้อ รถยุโรปบางคันตอนซื้อราคาแพงมาก แต่เวลาขายราคากลับตกเกินจริงจากการใช้งานมาก จนมาถึงยุคนี้ที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรถใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งก็หนีไม่พ้นเพราะสักวันหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าก็จะต้องมีการขายต่อเป็นรถมือสองเช่นเดียวกัน

จริงหรือ? รถยนต์ไฟฟ้ามือสองราคาร่วงเร็วกว่ารถใช้น้ำมัน

เรื่องของราคาขายต่อรถมือสอง ถ้าเทียบระหว่างรถยนต์เบนซินกับรถยนต์เครื่องดีเซล ราคาขายต่อของเครื่องเบนซินราคาจะตกกว่ารถยนต์ดีเซลอยู่บ้าง เนื่องจากผู้ใช้รถคนไทยเชื่อว่ารถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลทนทานกว่าเบนซิน ใช้งานได้นานกว่า คุ้มค่ากว่า แต่ในปัจจุบันเริ่มมีรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดรถยนต์ ผู้ซื้อต่างสงสัยว่าถ้าเทียบกันทั้งหมด ระหว่างรถไฟฟ้า เบนซิน ดีเซล เวลาขายต่อเป็นรถมือสอง รถยนต์ไฟฟ้ายังคงได้ราคาอยู่ใช่ไหม เทียบกับเบนซินหรือเดีเซล ราคาจะไม่ใช่ตกเกินไปใช่ไหม?

บริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองจากหลายประเทศให้ความเห็นตรงกันว่า รถยนต์ไฟฟ้ามือสองราคาขายต่อจะตกกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน! ถ้าเทียบทั้งราคาซื้อเริ่มต้น ระยะเวลาการใช้งาน และระยะทางการใช้รถยนต์ แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามือสองแบรนด์ดังก็ยังราคาตกเช่นเดียวกัน

ทำไมรถยนต์ไฟฟ้ามือสองถึงราคาตกมากกว่า ทั้งที่มีข้อดีกว่ามากมายเมื่อเทียบกับรถใช้น้ำมัน?

เราต้องยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ออกมาในยุคแรกๆ จะมีราคาแพงที่เกินจริง เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และยังไม่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต รวมถึงยังไม่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ แต่เมื่อเวลาผ่านไปรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตขึ้นมา จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า แบตเตอรี่ได้รับการพัฒนามากกว่า ชาร์จเร็วขึ้นใช้งานได้นานกว่า ที่สำคัญยิ่งนานวัน รถยนต์ไฟฟ้าจะยิ่งมีราคาถูกลงกว่าเดิม จากการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นถ้าใครจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน การซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง ซึ่งผ่านการใช้งานมาแล้ว แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมลงไปตามการใช้งาน และเทคโนโลยีเริ่มเก่าไปแล้วเช่นกัน

รถยนต์ไฟฟ้ามือสองก็ใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจเลย จากข้อมูลบริษัทขายรถมือสองหลายประเทศ บอกตรงกันว่า ผู้ซื้อส่วนใหญ่ให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามือสองที่เป็นแบรนด์ดัง และเป็นที่นิยมมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ ชื่อใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

คำแนะนำก็คือหากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน หากคิดแต่เรื่องราคาขายรถมือสอง เราก็อาจมองผิดประเด็น เพราะวันที่เราเริ่มใช้รถยนต์ไฟฟ้าวันแรกก็คือเราได้เริ่มรับเงินกำไรกลับคืนมาแล้ว ลองคิดง่ายๆ เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่เราเคยจ่ายไป สมมติเคยเสียค่าน้ำมันวันละ 200 บาท ก็เท่ารถยนต์ไฟฟ้าได้จ่ายคืนกลับมาให้เรา 100 บาททันที ดังนั้นเราจะเทียบแต่ราคาขายรถมือสองอย่างเดียวแล้วบอกว่าเราซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้วขาดทุนมากกว่ารถเบนซินก็คงไม่ได้

ดังนั้นถ้าคิดจะรักรถยนต์ไฟฟ้าก็อย่าเพิ่งคิดท้อใจล่วงหน้าถึงราคาขายต่อมือสอง ให้คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ของชีวิตที่เราได้ประหยัดค่าใช้จ่ายทุกวัน และยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยลดมลพิษและทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น ซึ่งมีค่ามากกว่าเงินทองใดๆ