แบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ ถ้าแบตเตอรี่หมดรถยนต์ก็วิ่งต่อไปไม่ได้ แต่ก่อนแบตเตอรี่จะขาดใจ มักจะส่งสัญญาณมาให้เราทราบ ดังนั้น อย่านอนใจ ถ้าเห็นอาการชัดก่อนแบตเตอรี่รถยนต์หมด
รู้ลึกเรื่องประเภทของแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ รถจะขับเคลื่อนได้ต้องอาศัยเจ้าแบตเตอรี่นี่แหละ การทำงานของแบตเตอรี่ก็คือภายในแบตเตอรี่จะมีแผ่นธาตุต่างๆ ที่จะทำปฏิกิริยากับน้ำกลั่น ทำหน้าที่เก็บกระแสไฟฟ้าไว้ในตัวแบตเตอรี่ เราลองมารู้ลึกเรื่องประเภทของแบตเตอรี่กันอย่างง่ายๆ
แบตเตอรี่ที่มีขายในท้องตลาดมีให้เลือก 3 ประเภทด้วยกัน จำง่ายๆ ก็คือ
1แบตเตอรี่ทั่วไป ก็คือแบตเตอรี่ที่ต้องดูแลเติมน้ำกลั่น 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง เป็นแบตเตอรี่ดั้งเดิมที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี ข้อดีคืออายุยาวนานกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น อยู่ได้ 2-4 ปี หรือมากกว่านั้นก็ยังได้ บางคนได้ถึง 5 ปี
2. แบตเตอรี่แบบ hybrid คือแบตเตอรี่ที่ต้องการการดูแลน้อยกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป ปีละ 2 ครั้งหรือ ประมาณ 4-6 เดือนตรวจน้ำกลั่นสักครั้ง น้ำกลั่นแบตเตอรี่แทบไม่ลดลงเลย เป็นแบตเตอรี่รุ่นยอดนิยม เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่มีเวลามาตรวจน้ำกลั่นกันทุกอาทิตย์ ประหยัดทั้งเวลาและให้ความสะดวกสบาย แต่อายุการใช้งานจะสั้นกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป อายุการใช้งานเริ่มต้นที่ 1 ปีครึ่ง -4 ปี หรือมากกว่านั้นก็ได้
3 แบตเตอรี่ที่ไม่ต้องดูแลตลอดอายุการใช้งาน เป็นแบตเตอรี่แห้งระบบปิดทั้งหมด ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ไม่ต้องดูแลอะไรทั้งสิ้น แบตเตอรี่แบบนี้สะดวกสบายที่สุด แต่อายุการใช้งานก็จะสั้นตามไปด้วย ส่วนราคาจะสูงกว่าแบตเตอรี่ทั้ง 2 ประเภท อายุการใช้งานเริ่มต้นที่ 1-3 ปี หรือมากกว่านั้น
ประเภทรถยนต์มีหลายแบบ แบตเตอรี่จึงมีให้เลือกตามการใช้งานของรถแต่ละประเภท โดยแบ่งตามขนาดค่าแอมป์ รถคันใหญ่ก็ต้องใช้แบตเตอรี่ค่าแอป์สูงตามไปด้วย ราคาก็จะสูงเช่นกัน ยกตัวอย่าง
แบตเตอรี่ 40 แอมป์ เหมาะกับรถเล็ก แบตเตอรี่ 45 แอมป์เหมาะกับรถเก๋งทั่วไป แบตเตอรี่ 48,52,65,70 เหมาะกับรถขนาดใหญ่ แต่ทั้งนี้ให้ดูจากแบตเตอรี่รถเดิมที่ติดรถมา ว่าใข้ขนาดแอมป์เท่าไร วิธีสังเกตแสนง่ายดายแค่เปิดฝากระโปรงรถยนต์ แล้วมองไปข้างแบตเตอรี่จะมีตัวเลขแอมป์ขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฎอยู่ เราก็จะทราบทันทีว่ารถของเรานั้นใช้แบตเตอรี่แอมป์เท่าไร ในกรณีที่เราเป็นพวกบ้าพลัง ติดเครื่องเสียง ติดโน่นนี่ที่ต้องใช้ไฟมากขึ้น เราอาจเพิ่มขนาดแอมป์เรามากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
อย่านอนใจ ถ้าเห็นอาการชัดก่อนแบตเตอรี่รถยนต์หมด
ผู้ใช้รถมักจะบ่นกันว่า แบตเตอรี่รุ่นใหม่ไม่เหมือนรุ่นเก่า พอหมดก็หมดเลย ไม่มีอาการเตือนใดๆ ทำให้ตั้งตัวไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวก็สตาร์ตรถไม่ติดซะแล้ว รถบางคันสัญญานเตือนไฟแบตเตอรี่ก็ยังไม่ทันโชว์ด้วยซ้ำ จะว่าไปก่อนแบตเตอรี่จะหมด มักจะมีอาการเตือนไม่มากก็น้อย เพียงแต่เราไม่ทันได้สังเกตก็เป็นได้ ดังน้นถ้าเห็นอาการเหล่านี้ อย่าได้นอนใจ ถ้าเห็นอาการชัดก่อนแบตเตอรี่หมด
อาการแรกสุดเลยก็คือ ไฟหน้าหรี่ลงกว่าเดิม ผู้ใช้รถต้องสังเกตให้ดีว่าขับตอนกลางคืน ทำไมรู้สึกไฟสว่างน้อยลง หรือมองด้วยตาเปล่ารู้สึกได้ว่าไฟสว่างน้อยลงกว่าเดิม
อาการสองก็คือ บีบแตรแล้วเสียงเบาลงกว่าเดิม
อาการสามก็คือ แผงหน้าปัดรถ ไฟสว่างน้อยลงกว่าเดิม
อาการสี่ก็คือ เปิดปิดกระจกไฟฟ้า แล้วสโลว์โมชั่นกว่าเดิม
อาการสุดท้ายสังเกตง่ายสุดๆ ก็คือ เวลาสตาร์ตรถ ไม่ “ชึ่ง” เดียวติด แต่มีอาการติดขัดนิดๆ ก่อนจะติด
ทั้งหมดนี้อย่านอนใจ ถ้าเห็นอาการชัดก่อนแบตเตอรี่รถยนต์หมด ยิ่งถ้าแบตเตอรี่ใช้มาได้ 3-4 ปี ให้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นไปได้ที่สุด แต่หากใช้ได้ไม่นาน อาจจะไม่ได้เกิดจากหมดอายุ เพื่อความแน่ใจให้เปิดฝากระโปรงรถ ส่องดูขั้วแบตเตอรี่ว่ามีขี้เกลือเกาะหรือเปล่า สายขั้วหลวมหรือเปล่า ลองขัดถูขี้เกลือออกและขยับสายขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ให้แน่น ถ้าอาการยังไม่หาย ก็แน่แท้แล้วว่า แบตเตอรี่รถยนต์อันเป็นที่รักของคุณกำลังจะใกล้ลาจากโลก
ทำไมแบตเตอรี่อายุสั้นกว่าปกติ
ข้อแรกคือ ไม่ได้ดูและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับปกติ ปล่อยให้น้ำกลั่นแห้งบ่อยๆ
ข้อสอง ปล่อยแบตเตอรี่ไม่ได้ใช้งานนานๆ เช่น จอดรถทิ้งไว้นานเกินไป
ข้อสาม ปล่อยให้ขี้เกลือจับที่ขั้วแบตเตอรี่นานเกินไป
ข้อสี่ ระบบชาร์จไฟในรถยนต์ทำงานไม่ปกติ มีผลต่อการเก็บไฟของแบตเตอรี่
จะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไปเลยก็ได้เพื่อความสบายใจ หรือจะรอให้รถดับก่อนก็ได้ เพื่อความเร้าใจ อิอิ เลือกเอาสักทาง